จริงหรือไม่ โสม กับ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ยิ่งช่วยป้องกัน

ในอดีตกาลก่อนหน้าที่ผ่านมาก็เคยมีการระบาดของเชื้อไวรัสหลายประเภท ไม่เฉพาะแต่เชื้อ เชื้อไวรัสโคโรนา ที่กำลังระบาดในตอนนี้เพียงแค่นั้น ในสมัยก่อนยังเคยมีการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเริ่มขึ้นในปี 2009 มีการระบาดในทวีปอเมริกาเหนือ อย่างในประเทศประเทศเม็กซิโก รวมทั้งอเมริกา จากนั้นก็มีการเกิดขึ้นไปทั่วโลก

โสม กับ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ซึ่งอาการที่น่าสงสัยว่ามีการติดเชื้อโรคเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ อาทิเช่น จะมีลักษณะอาการเกี่ยวกับระบบหายใจ มีน้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ ไข้สูง ปวดศีรษะ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวได้

ซึ่งนอกเหนือจากการดูแลตัวเองโดยหลบหลีกการพบปะกับผู้ที่กำลังเจ็บป่วยหรือติดเชื้อโรค ล้างมือถูสบู่เป็นประจำใช้เจลแอลกอฮอล์ โดยยิ่งไปกว่านั้นเมื่อสัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ ในที่ส่วนรวม หรือการรักษาสุขภาพให้แข็งแรงแล้วนั้น ยังมีการเรียนรู้ทางสถานพยาบาลซึ่งพบว่าสมุนไพรอย่าง โสม เพิ่มประสิทธิภาพในการกระตุ้นภูมิต้านทาน แล้วก็ลดช่องทางการได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่ในสมัยก่อนด้วย 

การศึกษาค้นคว้าวิจัยของโสม กับ ไข้หวัดใหญ่

โดยมีการวิจัยค้นคว้า เพื่อรับรองผลของการใช้โสม  เพื่อลดอัตราการรับเชื้อไข้หวัดใหญ่ โดยคุณScaglione คณบดี University of Milan Medical College พบว่า โสม ช่วยทำให้โอกาสการได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่ลดลง สอดคล้องกับคุณ Kang Sang-mu จาก Emory University College of Medicine ที่อเมริกา ที่ได้ทำทดสอบฉีดยาไข้หวัดใหญ่ (H1N1) ในหนูโดย แบ่งหนูเป็น 2 กรุ๊ป พบว่า หนูที่ได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่สิ่งเดียวได้โอกาสรอดแค่เพียงปริมาณร้อยละ 60 ส่วนหนูที่ได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่รวมทั้งโสม ได้โอกาสรอดมากถึง 100 %

โสม กับ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ซึ่งอันที่จริงแล้วการฉีดยาเป็นแนวทางที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับการปกป้องตนเองการจู่โจมจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ แต่ว่าการเรียนรู้ปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าโสมประเทศเกาหลีมีคุณภาพสูงสำหรับการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่สูง ฉะนั้นในตอนที่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสต่าง ๆ รวมถึงเชื้อไวรัสโคโรนา การเลือกกินสมุนไพร ตัวอย่างเช่น โสม ประเทศเกาหลีจะมีส่วนช่วยกระตุ้นภูมิต้านทานให้กับร่างกายได้ 

อัตราการตายของเชื้อไวรัส กับไข้หวัดใหญ่รายปี

– Corona (ข้อมูลพื้นฐาน) 2%

– SARS 10%

– MERS 30%

– H5 N 60%

– ไข้หวัดใหญ่ 2009 คิดเป็น 0.1%

– ไข้หวัดใหญ่ 0.01%

อย่างไรก็ดีความร้ายแรงของโรคเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ นับว่ามีความร้ายแรงน้อยกว่า MERS , SARS, หรือ H1N1 ซึ่งเป็นโรคระบาดในหลายปีมาแล้ว อัตราตายของ MERS อยู่ที่ 30 % ของ SARS อยู่ที่โดยประมาณ 10 % แล้วก็ H1N1 มีอัตราการตายอยู่ที่ 0.02% แต่ว่าของโคโรนาเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อยู่ที่น้อยกว่า 2% แค่นั้น

ดังนั้นแล้วทุก ๆ คน ควรหมั่นดูแลสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น ทานอาหารที่มีประโยชน์ บริหารร่างกายสม่ำเสมอ ตรวจสุขภาพประจำปี ทานอาหารเสริมอย่างเช่น โสม และหากมีโอกาสได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่าง ๆ ด้วย ก็เป็นสิ่งที่ดีที่ควรทำกัน

 

สนับสนุนโดย.    ถูกหวยลาว2ตัวได้กี่บาท